Main Menu

Recent posts

#1

Nissan Navara PRO-2X 2WD 7AT พร้อมจะพาคุณตะลุยไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางง่ายหรือยาก จะงานแบบไหนก็ไม่หวั่น ปีนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีแบบจัดเต็ม ให้คุณสนุกกับการขับขี่ ด้วยรูปลักษณ์แบบใหม่ ที่ดูดุดัน แข็งแกร่ง และโฉบเฉี่ยว เป็นรถกระบะที่มีคนใฝ่ฝันรอมานาน ตั้งแต่ที่ได้เห็นการเปิดตัว แค่รูปลักษณ์ภายนอกก็สะดุดตาแล้ว

เครื่องยนต์และสมรรถนะ
•    เครื่องยนต์ YS23DDTT เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบคู่แปรผัน (VGS) อินเตอร์คูลเลอร์ 
•    ขนาดเครื่องยนต์ (CC) 2,298 CC
•    กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า) 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที
•    แรงบิด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/รอบต่อนาที
•    ระบบเกียร์ เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
•    รองรับการใช้น้ำมัน ดีเซล, B20
•    ความจุของถังน้ำมัน 80 ลิตร

ดีไซน์ภายนอก
ภายนอกของ Nissan Navara PRO-2X 2WD 7AT ได้ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ LED โดยเป็นระบบการส่องสว่างอัตโนมัติ มาพร้อมกับระบบ Follow-Me-Home, กระจังหน้าสีเทาดำ, ไฟท้ายแบบ LED, ไฟตัดหมอกแบบ LED, กระจังหน้าสีดำแบบอินเตอร์ล็อค,ไฟส่องสว่างตอนกลางวัน Daytime Running Lights, ระบบการเปิด-ปิดไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ, ล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว, สปอยด์เลอร์หลัง, บันไดข้างแบบแต่งสีดำ, ที่ปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบ 2 จังหวะ พร้อมระบบหน่วงเวลา,กระจกมองข้างขนาดใหญ่พร้อมไฟเลี้ยวในตัว,ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ

ดีไซน์ภายใน
ด้านในห้องโดยสาร แผงควบคุมเครื่องเสียงต่างๆ ตกแต่งด้วยแนว Piano Black, มาพร้อมกับพวงมาลัยที่สามารถปรับสูงต่ำและเข้าออกได้, กระจกมองหลังเป็นแบบตัดแสงอัตโนมัติ, ระบบ Push Start, ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และ Android Auto ได้, อุปกรณ์มาตรวัดภายใน แสดงข้อมูลการขับขี่แบบ 3 มิติ,เบาะนั่งสามารถปรับสูง-ต่ำได้, รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, กระจกข้างแบบปรับไฟฟ้า, พวงมาลัยเพาเวอร์, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง, มาตรวัดเป็นแบบจอสี 3 มิติ แบบเรืองแสง, เบาะนั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง, ปลั๊กไฟขนาด 12 โวลต์

เทคโนโลยีและความปลอดภัย

Nissan Navara PRO-2X 2WD 7AT ในปีนี้ นิสสัน มีการเพิ่มระบบความปลอดภัยให้ดีขึ้นไปอีก ได้แก่ ระบบการเบรกแบบ ABS และระบบช่วยในการกระจายแรงเบรก, ตัวถังแบบนิรภัย, เข็มขัดนิรภัยทุกเบาะ พร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ, คานเหล็กเสริมนิรภัย เพิ่มความแข็งแรง, กุญแจอัจฉริยะ , ตัวช่วยในการควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ, ไฟเบรกดวงที่สามเป็นแบบ LED ให้ความคมชัดมากขึ้น, กล้องบันทึกวิดีโออัตโนมัติ, กระจกนิรภัย เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่, กล้องอัจฉริยะที่มองได้รอบทิศทาง, ระบบช่วยในการออกตัว เมื่อจอดบนที่ลาดชัน หรือว่าออกตัวบนที่ลาดชัน, ระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบป้องกันการขโมย พร้อมกุญแจแบบนิรภัย, ระบบช่วยในการควบคุมการทรงตัว,เพิ่มหลอดไฟส่องสว่างในตอนกลางวัน

ราคาจำหน่าย 1,030,000 บาท

เป็นอย่างไรบ้างกับ Nissan Navara PRO-2X 2WD 7AT  รุ่นนี้ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความคุ้มค่าในเรื่องของราคา เมื่อเปรียบเทียบสมรรถนะของรถรุ่นนี้แล้ว บอกเลยว่าได้เกินคาด ไม่คิดว่าเป็นจะมาแค่ในราคาล้านนิดๆ เท่านี้ คิดว่าคงต้องแพงกว่านี้แน่นอน จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอีกหนึ่งรุ่นเลย
#2

หากต้องพูดถึงกระบะในประเทศไทยว่ารุ่นไหนค่ายไหนครองตลอดมากที่สุด ชื่อของ Isuzu D-Max มักจะเป็นชื่อที่ถูกนึกถึง ด้วยยอดขายที่เยอะมากๆ แล้วในแต่ละวันมักจะเห็นรถรุ่นนี้แล่นกันเกลื่อนแทบจะตลอดเวลา และในปี 2023 ทางค่ายได้ปล่อย Isuzu D-Max Spacecab ตัวใหม่ออกมาให้แฟนๆที่ตั้งตารอคอยได้สัมผัส ที่แน่นอนว่ายอดจองล้นหลามในพริบตา ซึ่งบทความนี้จะพาไปดูกันว่ารุ่นล่าสุดนี้ มีดีอะไรกันบ้าง

ดีไซน์ภายนอก Isuzu D-Max Spacecab 2023
    เริ่มกันที่ดีไซร์ภายนอกของ Isuzu D-Max Spacecab 2023 เป็นรถกระบะสไตล์แบบ 2 ประตู ที่ได้ขยายห้องโดยสารให้ยาวขึ้นใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิม ในการเก็บของต่างๆที่เยอะขึ้นมาก บานแคปรถสามารถเปิดได้เพื่อความสะดวกในการยกของ ส่วนมิติตัวรถมีขนาดความยาว 5,195 มม. และความยาว 5,285 มม. ในรุ่นย่อย ความกว้าง 1,810 มม. และ สูง 1,690 มม. ตัวกระบะท้ายมีความยาว 1,805 มม. กว้าง 1,530 มม. สูง 490 มม. ขณะที่การตกแต่งอุปกรณ์ต่างๆไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นเดิมที่ทำออกมาเยี่ยมยอดดีอยู่แล้วเท่าไหร่นัก ไฟหน้าของรถเป็นแบบ Bi-Beam LED โคมโปรเจ๊กเตอร์ ส่วนไฟท้าย LED และ ล้อเหล็กขนาด 16 นิ้ว ส่วนล้ออัลลอยมีเฉพาะรุ่นท็อปขึ้นไปเท่านั้น

ดีไซน์ภายใน Isuzu D-Max Spacecab 2023

    ห้องโดยสารชอง Isuzu D-Max Spacecab 2023 รองรับผู้โดยสารได้ 2 ที่นั่ง เบาะหุ้มด้วยผ้าสีดำ ปรับเอนได้สะดวกกว้างขวาง มาตรวัดเป็นแบบอนาล็อก ส่วนจอแสดงข้อมูลของการขับขี่ต่างๆเป็น TFT ด้านพวงมาลัยเป็นแบบเพาเวอร์ปรับได้ระดับ 4 ทิศทาง คอนโซลตรงกลางติดตั้งเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอสัมผัสคมชัดลื่นไหลด้วยขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนทั้งหมดอย่างง่ายดาย รับได้ทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay ระบบปรับอากาศเป็นแบบธรรมดา และมีแผ่นกรองฝุ่น PM2.5

เครื่องยนต์ของ Isuzu D-Max Spacecab 2023

เครื่องยนต์ของรถเป็นดีเซล เทอร์โบ ซึ่งมี 2 รุ่น 2 ขนาด ดังนี้

-    แบบ 4 สูบ ขนาด 1.9 ลิตร เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ช่วง 1,800-2,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 จังหวะ ขับเคลื่อน 2 ล้อ

-    แบบ 4 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที มีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ

ราคาและสีให้เลือกของ Isuzu D-Max Spacecab 2023

รถรุ่นนี้มีให้เลือก 3 สีด้วยกัน คือ สีขาว Siberian White, สีเทา Islay Gray Opaque และ สีเงิน Bohemian Silver Metallic ส่วนราคาได้แบ่งเป็น 6 รุ่นดังนี้

-    รุ่น 1.9 Ddi SE ราคา 605,000 บาท
-    3.0 Ddi SE ราคา 628,000 บาท
-    1.9 Ddi S DA ราคา 635,000 บาท
-    รุ่น 3.0 Ddi S DA ราคา 658,000 บาท
-    รุ่น 1.9 Ddi S DA A/T ราคา 675,000 บาท
-    รุ่น 1.9 Ddi L DA ราคา 698,000 บาท
#3

สิงคโปร์ หนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านของไทย ที่ทุกวันนี้ความเจริญความก้าวหน้าถูกยอมรับว่าให้เป็นอันดับ 1 ของอาเซียนแล้ว จากหลายๆสิ่งที่ประเทศมีและพัฒนามาตลอดหลายปี จนกลายเป็นประเทศชั้นนำที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาไม่น้อยในแต่ละวัน เช่นกันกับที่มีชาวไทยเดินทางมาเที่ยวยังประเทศนี้เยอะมากๆ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไป ที่น่าสนใจอยู่มากมายหลายแห่ง ไปดูกันดีกว่าว่ามีที่ไหนกันบ้าง ที่ยอดนิยมในประเทศสิงคโปร์

สถานที่สุดว้าวสุดใจของสิงคโปร์

1.   Jewel Changi Airport
สนามบินแห่งชาติของสิงคโปร์ ที่ถูกยกให้เป็นสนามบินที่สวยที่สุดในโลกของปี 2023 แล้วยังครองแชมป์ในตำแหน่งมาอย่างยาวนานหลายปี หากไม่เด็ดจริงดีจริง ไม่มีทางจะครองแชมป์ได้แน่นอน มีตำแหน่งมาการันตีขนาดนี้ บอกได้คำเดียวว่ามันสวยสุดยอดเกินจินตนาการจริงๆกับสนามบิน Jewel Changi Airport

2.   SKY Helix Sentosa
ที่แห่งนี้พึ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน แต่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม มันคือจุดชมวิวที่สวยงามแบบสุดๆ เห็นวิวได้แบบปังๆ 360 องศากันเลยทีเดียว ความสูงจากพื้นคือ 35 เมตร เทียบกับตึกแล้วคือ 12 ชั้น ที่นี่ตั้งอยู่บนเกาะเซ็นโตซ่า วิวที่ได้เห็นเมื่อขึ้นมามันคือหลักล้าน

3.   Merlion Park
คนไทยเรียกสั้นๆว่าสิงโตพ่นน้ำ มันคือจุดเด่นที่สุดของสิงคโปร์เมื่อนึกถึง คือจุดที่ใครมาเที่ยวที่นี่ก็จะต้องมาถ่ายรูป เพราะหากไม่ได้มาจะเรียกว่ามาไม่ถึงประเทศนี้เลยก็ว่าได้ Merlion Park ไปไม่ยากเลยหากเจอได้ง่ายๆ ตั้งอยู่กลางเมืองอย่างโดดเด่น ที่จะต้องใช้เวลาต่อคิวในการถ่ายรูปไม่น้อย เพราะนักท่องเที่ยวแน่นมากจริงๆ

4.   อ่าวมารีนา Marina Bay
ภาพตึก 3 ตึกที่มีเรือดำน้ำวางพาดอยู่บนตัวตึกทั้ง 3 คือภาพที่ดังไปทั่วโลกว่าในโลกใบนี้มีอะไรแบบนี้อยู่ด้วยจริงๆเหรอ ซึ่งนั่นก็คือที่นี่ Marina Bay ในประเทศสิงคโปร์ เป็นตึกที่รูปร่างไม่มีใครเหมือน แล้วรอบบริเวณที่ตั้งสวยมากๆด้วย เมื่อตั้งอยู่ใกล้ๆอ่าวสำคัญ ต้องบอกว่าควรมาเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆที่นี่ แล้วเมื่อถึงช่วงเวลาจะมีกิจกรรมแสงสีเสียงให้นักท่องเที่ยวรับชมแบบฟรีๆในทุกๆวันอีกต่างหาก

5.    Universal studio
Universal studio คือสถานที่เที่ยวที่ดังมากๆ ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก แล้วในสิงคโปร์ก็มีอยู่เช่นกัน แล้วยังมีความใหญ่โตอันดับต้นๆของโลกอีกด้วย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ในแต่ละวันมีคนเข้าไปเยอะมากๆ โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แล้วยังเป็นที่นิยมมากๆของคนไทยเราด้วย
#4

ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบในการเที่ยวทะเล แล้วยังไม่ได้มาเที่ยวที่ เกาะตะรุเตา ก็เหมือนว่ายังขาดอะไรไปอีกอย่างหนึ่ง เหมือนกับยังเที่ยวไม่สุดเต็มที่เท่าไหร่ เหตุผลที่ว่าทำไมต้องมาเที่ยวที่นี่ ก็เพราะว่าบนเกาะแห่งนี้ ยังมีความงามที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง มีเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ให้การยอมรับ โดยเฉพาะเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ดังนั้นเราจะมาดูรายละเอียดของเกาะแห่งนี้กันก่อน ก่อนจะเดินทางไปเที่ยวจริง

กิจกรรมที่น่าสนใจ
สำหรับเกาะแห่งนี้ ในอดีตยังถูกใช้ให้เป็นสถานที่ฝึกอาชีพ และใช้เป็นที่กักกันนักโทษด้วย นอกจากจะเป็นที่เที่ยวแล้ว ยังเป็นที่ศึกษาทางประวัติศาสตร์อีกด้วย สิ่งที่ท่านไม่ควรพลาด เมื่อคุณมาเที่ยวที่เกาะแห่งนี้ก็คือ
•   เดินชมวิว ที่เกาะตะรุเตามีหาดทรายที่ขาวสะอาด ที่เหมาะกับการเดินชมวิว ดูธรรมชาติที่เงียบสงบ ยิ่งเป็นตอนที่พระอาทิตย์ตกด้วย ยิ่งเพิ่มความสวยงามให้มากขึ้นอีก อ่าวที่เหมาะกับการเดินเที่ยวได้แก่ อ่าวพันเตมะละกา อ่าวจจาก และอ่าวมาะและ
•   ลงเล่นน้ำ น้ำที่เกาะตะรุเตาบอกเลยว่าสวยงามมาก ใสสะอาด และมองเห็นพื้นได้อย่างชัดเจน หรือเล่นแล้วอยากจะมานอนอาบแดดบนชายหาดก็ได้เช่นกัน คุณจะได้สัมผัสกับความสนุกกับการเที่ยวทะเลอย่างเต็มที่
•   ชมความงามของถ้ำ ที่นี่มีถ้ำจระเข้ เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยที่สวยงามมากๆ ระยะทางทั้งหมดประมาณ 300 เมตร แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมที่ถ้ำแห่งนี้เยอะมาก คุณจะได้เห็นความมหัศจรรย์ที่คาดไม่ถึงเลยแหละ
•   ชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่อ่าวตะโละวาว เป็นจุดที่จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่สุด ในยามเช้าท่านไม่ควรจะพลาดกับกิจกรรมนี้ มาถ่ายรูป และมาชมวิวที่จุดนี้ให้ได้สักครั้ง คุณจะรู้สึกเพลิดเพลินและผ่อนคลายอย่างสุดๆ

การเดินทาง
เมื่อท่านเดินทางมาถึงท่าเรือที่ปากบารา ที่จังหวัดสตูลแล้ว ท่านต้องนั่งเรือต่อไป ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็จะถึงเกาะตะรุเตา

ค่าบริการในการเข้าชม ฟรี

ที่พักและอาหาร
บนเกาะมีที่พักและร้านอาหารค่อนข้างเยอะ เพียงพอกับนักท่องเที่ยว มีหลายเรทราคาให้ท่านเลือก รองรับนักท่องเที่ยวได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม ส่วนร้านอาหารบนเกาะ มีให้เลือกทานทั้งอาหารจากที่พักโรงแรม และจากร้านอาหารทั่วไป แต่แนะนำว่านักท่องเที่ยวควรเตรียมการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าจะดีที่สุด ยิ่งถ้าเป็นการเที่ยวในช่วงวันหยุด หรือวันเทศกาล นักท่องเที่ยวจะเยอะเป็นพิเศษ

พิกัดของ เกาะตะรุเตา
เกาะตะรุเตา อยู่ในเขต จังหวัดสตูล
#5

ประวัติ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน กองหน้าทีมชาติอังกฤษของ เอฟเวอร์ตัน
ทีมชาติ : อังกฤษ 11 นัด – 4 ประตู (2020-?)
สโมสรปัจจุบัน : เอฟเวอร์ตั้น 210 นัด – 60 ประตู (2016-?)

โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน (Dominic Calvert-Lewin) เกิดวันที่ 16 มีนาคม 1997 ที่ประเทศอังกฤษ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับสโมสร เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในปี 2005 แล้วได้เล่นอาชีพกับทีมในฤดูกาล 2014/15 โดยได้ลงเล่นลีกวัน (ดิวิชั่น 3) 2 นัด แล้วถูกส่งให้ Stalybridge Celtic (คอนเฟอเรนซ์ลีก) ยืมตัวไปใช้งานในซีซั่นเดียวกัน ยิง 6 ประตูจาก 5 นัด

ฤดูกาล 2015/16 คัลเวิร์ต-เลวิน ถูกส่งให้ นอร์ทแธมป์ตั้น (ลีกทู) ยืมตัวไปใช้งาน ลงเล่น 26 นัดรวมทุกรายการ ยิง 8 ประตู แล้วถูก เอฟเวอร์ตั้น ซื้อตัวไปร่วมทีมในฤดูกาลถัดมา ด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์ ออกตัวในฤดูกาล 2016/17 ด้วยการยิง 1 ประตูจาก 11 นัด

ฤดูกาล 2017/18 คัลเวิร์ต-เลวิน กลายเป็นตัวหลักของ เอฟเวอร์ตั้น ลงเล่นมากถึง 44 นัดรวมทุกรายการ ยิง 8 ประตู แล้วฤดูกาลต่อมาก็ยิงอีก 8 ประตูจาก 38 นัด แต่ยังพาทีมประสบความสำเร็จไม่ได้ ต่อมาในฤดูกาล 2019/20 คัลเวิร์ต-เลวิน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ยิง 2 ประตูใส่ เชลซี (ชนะ 3-1) ยิง 2 ประตู ใส่ นิวคาสเซิล (ชนะ 2-1) นั่นรวมถึงการยิง 1 ประตูใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด (เสมอ 1-1) กับ อาร์เซน่อล (แพ้ 2-3) จบซีซั่นนั้นยิงไป 15 ประตูจาก 41 นัดรวมทุกรายการ แบ่งเป็นการยิงในพรีเมียร์ลีก 13 ประตูจาก 36 นัด

ฤดูกาล 2020/21 คัลเวิร์ต-เลวิน ออกตัวได้อย่างร้อนแรง ด้วยการยิง 7 ประตูจาก 5 นัดแรกของพรีเมียร์ลีก หนึ่งในนั้นคือการยิงแฮตทริคใส่ เวสบรอมวิช (ชนะ 5-2) นอกจากนั้นแล้วยังยิง 2 ประตูใส่ ฟูแล่ม (ชนะ 3-2) ยิง 1 ประตู จ่าย 1 แอสซิสต์ใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เสมอ 3-3) และยิง 1 ประตูใส่ ลิเวอร์พูล (เสมอ 2-2) จบซีซั่นด้วยการยิง 21 ประตู จาก 39 นัดรวมทุกรายการ

ฤดูกาล 2021/22 กับ 2022/23 คัลเวิร์ต-เลวิน ถูกอาการบาดเจ็บเล่นงาน ได้ลงเล่นแค่ 36 นัดรวมทุกรายการ ยิง 7 ประตู ซึ่งอาการบาดเจ็บ ยังส่งผลมาถึงฤดูกาล 2023/24 (ปัจจุบัน) ผ่านไป 4 นัด เขาได้ลงเล่นแค่ 35 นาที แล้วทีมต้นสังกัดอย่าง เอฟเวอร์ตั้น ก็ยังไม่ชนะ (เสมอ 1 แพ้ 3)
ในส่วนของการรับใช้ชาติ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน เปิดตัวกับ ทีมชาติอังกฤษ ในวันที่ 8 ตุลาคม 2020 ด้วยการยิงใส่ เวลส์ (ชนะ 3-0) โดยยืนเป็นกองหน้าตัวจริงคู่กับ แดนนี่ อิงส์ แล้วมี แจ็ค กรีลิซ ยืนเป็นหน้าต่ำ จากนั้นก็อยู่ในข่ายตัวเลือกรองในตำแหน่งแนวรุก แต่ไม่ค่อยถูกใช้งาน อย่างไรก็ตาม คัลเวิร์ต-เลวิน อยู่ในทีมชาติอังกฤษ ชุดฟุตบอลยูโร 2020 ได้ลงเล่นสำรอง 18 นาที (2 นัด)
#6

ดาวยิงของลิเวอร์พูลในยุคนี้ คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ดาร์วิน นูนเญซ ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุด ถือว่าเป็นตัวความหวังของทีม และของแฟนบอลเลยก็ว่าได้ และด้วยอายุเพียงแค่นี้ บอกเลยว่ายังโลดแล่นได้อีกยาวไกล ในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ

ชื่อเต็ม ดาร์วิน กาเบรียล นูนเญซ ริเบยโร่
วันเกิด 24 มิถุนายน 1999 (23 ปี)
สถานที่เกิด เมืองอาร์ติกาส ประเทศอุรุกวัย
ส่วนสูง 187 เซนติเมตร
ตำแหน่ง กองหน้า

เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลของ นูนเญซ

สำหรับเส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลของ นูนเญซ เริ่มต้นเมื่อเขาเป็นเด็ก ตอนนั้นเขายังเล่นกับทีมระดับท้องถิ่นอยู่ แต่ด้วยฟอร์มของเขาเมื่อตอนอายุ 14 ปีในขณะนั้น ต้องบอกว่าเกินอายุไปมากทีเดียว เลยทำให้ไปเข้าตาแมวมองของ ทีมชาติอรุกวัย และเขาก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในอะคาเดมี่ เปนารอล ซึ่งเป็นอะคาเดมี่ที่ดังที่สุดในอุรุกวัย

หลังจากที่ฝึกอยู่กับ เปนารอล ได้หลายปี เขาก็ถูกส่งให้ลงเป็นตัวสำรองครั้งแรก ในปี 2017 แต่ยังไม่ได้ลง แล้วในเกมนัดต่อมา เขาก็ยิงประตูแรกของตัวเองได้สำเร็จ ในปี 2018 ซึ่งทำให้ทีมชนะเกมในการเจอกับ เฟนิกซ์ ด้วย เมื่อชื่อเสียงของ นูนเญซ เริ่มดังขึ้น เขาก็เริ่มไปค้าแข้งอยู่ในแถบยุโรป กับทีม อัลเมเรีย ลีกดิวิชั่น 2 ของสเปน และที่ อัลเมเรีย เจ้าตัวก็ทำผลงานชนิดร้อนแรงสุดๆ จนกลายเป็นที่หมายตาจากทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปเลยก็ว่าได้
และเป็นทาง เบนฟริกา ที่ได้ตัวของเขาไป ที่นี่เขาก็ระเบิดฟอร์มอีกเช่นกัน ด้วยการยิงไปถึง 34 ประตู ในการลงเล่นเพียงแค่ 41 นัดเท่านั้น ซึ่งในครั้งนี้เอง ที่ยักษ์ใหญ่เริ่มเข้ามาแย่งตัวของ นูนเญซ

และเป็นทาง ลิเวอร์พูล ที่ได้ตัวไปร่วมทัม ด้วยราคาสูงถึง 100 ล้านยูโร เป็นค่าตัวที่แพงที่สุดของสโมสรด้วย แล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นูนเญซ ยิงประตูได้ตั้งแต่การลงเล่นในเกมแรก ซึ่งเป็นการเจอกันกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยการเอาชนะไปถึง 3-1 ประตู อาจจะมีบางช่วงที่ฟอร์มตกไปบ้าง แต่ไม่นาน เขาก็กลับมาระเบิดฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง
เกียรติประวัติที่ได้รับ

รางวัลส่วนตัว
•   นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีพรีเมยร่า ลีกา : 2021-22
•   ดาวยิงสูงสุดพรีเมยร่า ลีกา : 2021-22

ลิเวอร์พูล
•   คอมมิวนิตี้ ชิลด์ : 2022
#7


ไบรอั้น เอ็มบูโม่ แนวรุกทีมชาติแคเมอรูนของ เบรนท์ฟอร์ด
ทีมชาติ : แคเมอรูน 9 นัด – 1 ประตู (2022-?)
สโมสรปัจจุบัน : เบรนท์ฟอร์ด 174 นัด – 44 ประตู (2019-?)

ไบรอั้น เอ็มบูโม่ (Bryan Mbeumo) เกิดวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ที่ประเทศฝรั่งเศส เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับสโมสร CO Avallonais (2005-2011) ต่อด้วย Bourgoin-Jallieu (2011-2012) จากนั้นกลับมาอยู่กับ CO Avallonais (2012-2013) แล้วย้ายสู่อคาเดมี่ของ ทรัวซ์ ในเวลาต่อมา จากนั้นในฤดูกาล 2017/18 เอ็มบูโม่ ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ ทรัวซ์ ได้ลงเล่นลีกเอิง 4 นัด แต่ยังยิงประตูไม่ได้

ฤดูกาล 2018/19 ไบรอั้น เอ็มบูโม่ ขึ้นเป็นตัวหลักของ ทรัวซ์ อย่างเต็มตัว ซึ่งตอนนั้นทีมหล่นไปอยู่ ลีก 2 เขาได้ลงเล่น 40 นัดรวมทุกรายการ ยิง 11 ประตู ไม่เพียงพอต่อการพาทีมเลื่อนชั้น แล้วในฤดูกาล 2019/20 เอ็มบูโม่ ได้ลงเล่นแค่ 2 นัด ยิง 1 ประตู แล้วถูกส่งต่อให้ เบรนท์ฟอร์ด ในช่วงต้นฤดูกาลนั้น

ไบรอั้น เอ็มบูโม่ ย้ายมาอยู่กับ เบรนท์ฟอร์ด (เดอะ แชมป์เปียนชิพ) ด้วยค่าตัว 5.8 ล้านปอนด์ เปิดตัวในฤดูกาลแรกด้วยการยิง 16 ประตูจาก 47 นัดรวมทุกรายการ แต่ไม่สามารถพาทีมเลื่อนชั้นได้ ก่อนที่ฤดูกาล 2020/21 จะยิงอีก 8 ประตูจาก 49 นัดรวมทุกรายการ พาทีมจบที่ 3 เดอะแชมป์เปียนชิพ แล้วไปเพลย์ออฟชนะ สวอนซี 2-0 เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

ฤดูกาล 2021/22 ไบรอั้น เอ็มบูโม่ เป็นกำลังสำคัญของ เบรนท์ฟอร์ด ร่วมกับ คริสเตียน นอร์การ์ด และ ไอแวน โทนีย์ ได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีก 35 นัด ยิง 4 ประตู จ่าย 7 แอสซิสต์ โดยสี่ประตูนั้น เป็นการยิงใส่ เวสต์แฮม (ชนะ 2-1 และ ชนะ 2-0) วูล์ฟแฮมป์ตั้น (ชนะ 2-0) และ วัตฟอร์ด (ชนะ 2-1) จบฤดูกาลนั้น เอ็มบูโม่ลงเล่น 38 นัดรวมทุกรายการ ยิง 8 ประตู จ่าย 7 แอสซิสต์ พาทีมรอดตกชั้น

ฤดูกาล 2022/23 ไบรอั้น เอ็มบูโม่ ยังเป็นตัวหลักของ เบรนท์ฟอร์ด เช่นเดิม เปิดหัวนัดที่ 2 ของฤดูกาล เขายืนเป็นหน้าคู่กับ ไอแวน โทนีย์ โดยมี มัทเธียส เยนเซ่น เป็นหน้าต่ำ จัดการยิง 1 ประตู ช่วยให้ทีมไล่ถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 นอกจากนั้นแล้ว ในวันที่ 2 มกราคม 2023 เอ็มบูโม่ ที่ยืนหน้าคู่กับ โยอัน วิสซ่า ยังช่วยกันยิงคนละ 1 สกอร์ ช่วยให้ทีมเอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 จบฤดูกาลนั้น เอ็มบูโม่ยิง 9 ประตู จ่าย 8 แอสซิสต์ พาทีมจบที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก

ฤดูกาล 2023/24 (ปัจจุบัน) ไบรอั้น เอ็มบูโม่ ยังอยู่กับ เบรนท์ฟอร์ด เช่นเดิม เปิดหัวนัดแรกด้วยการยิงใส่ สเปอร์ (เสมอ 2-2) ต่อด้วยการยิง 2 ประตูใส่ ฟูแล่ม (ชนะ 3-0) แต่ยิงไม่ได้ในเกมเสมอ คริสตัล พาเลซ 1-1 ผ่าน 3 นัด ยิงได้เท่ากับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, ซอลลี่ มาร์ช และ ไตโว อโวนียี่ นำดาวซัลโวร่วมกัน
#8

โอลิมปิก คือมหกรรมกีฬาของมวลมนุษย์ชาติอย่างแท้จริง ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาลงแข่งขันได้หากว่ามีฝีมือมากพอในการผ่านรอบคัดเลือกเข้ามา โดยโอลิมปิกจะถูกจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี จะเปลี่ยนเจ้าภาพไปเรื่อยๆ ซึ่งครั้งล่าสุดปี 2022 จัดขึ้นในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ส่วนต้นกำเนิดครั้งแรกคือ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อครั้งปี 1896 นู้นเลยทีเดียว แล้วในบทความนี้ได้รวบรวมเอาที่สุดของโอลิมปิกมาฝากกัน จะมีเรื่องที่สุดอะไรบ้างนั้น ไปดูกันต่อได้เลย

สถิติที่สุดของของโอลิมปิก

- นักกีฬาอายุมากที่สุดที่คว้าเหรียญทอง
เขาคนนั้นก็คือ ออสการ์ สวอห์น เป็นนักกีฬายิงปืนของทีมชาติสวีเดน โดยเขาลงแข่งขันโอลิมปิกในปี 1912 ในวัย 64 ปี ซึ่งชนะในการแข่งขันประเภท running deer

- นักกีฬาอายุน้อยที่สุดที่คว้าเหรียญทอง
นักกีฬาที่อายุน้อยที่สุดที่คว้าเหรียญทองสำเร็จได้แก่ มาร์จอรี่ เกสตริง นักนักกระโดดน้ำทีมชาติสหรัฐอเมริกา โดยคว้าเหรียญทองได้ในโอลิมปิกปี 1936 ด้วยวัยเพียงแค่ 13 ปี 268 เพียงเท่านั้น

- นักกีฬาที่คว้าเหรียญทองได้มากที่สุดในโลก
ไมเคิล เฟลป์ส คือสุดยอดนักว่ายน้ำทีมชาติสหรัฐอเมริกา ที่สุดยอดที่สุดตลอดกาล ขึ้นแท่นเป็นตำนานไปเรียบร้อยจากสิ่งสุดยอดที่เขาได้ทำออกมาในโอลิมปิกตลอดปี 2000-2016 ที่ลงแข่ง กวาดเหรียญทองรวมไป 23 เหรียญจากทุกรายการที่ลงแข่ง ทั้งยังทำลายสถิติสุดยอดมากมายที่เคยมีมาบนโลกใบนี้ และยังได้รับการยอมรับว่าเป็นนักกีฬาว่ายน้ำที่เก่งกาจที่สุดที่โลกเคยมีมาด้วย

- เซอร์ไพรส์ที่สุดของโอลิมปิก
ทีมฟุตบอลของทีมชาติไนจีเรีย เรื่องเซอร์ไพรส์ที่ทำให้โลกต้องจารึก เกิดขึ้นเมื่อปี 1996 โดยครั้งนั้นทีมชาติไนจีเรียที่ไม่มีใครรู้จักหรือจับตามอง ก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์เหรียญทองได้ในบั้นปลาย ระหว่างทางได้ล้มยักษ์ใหญ่มากมายหลายทีม อย่างยิ่ง ทีมชาติบราซิลทีมเต็ง กับทีมชาติอาเจนติน่าได้อย่างยิ่งใหญ่ และหลังจบทัวร์นาเม้นท์นี้ นักฟุตบอลหลายคนถูกทีมใหญ่ในยุโรปซื้อตัวกันไปถ้วนหน้า เช่น เอ็นวานโก คานู กับ เจย์ เจย์ โอโคชา ที่กลายเป็นนักเตะระดับโลกในเวลาต่อมา

- ลงแข่งโอลิมปิกมากที่สุดตลอดกาล
ชื่อของ เอียน มิลลาร์ ถูกจดจำในฐานะนักกีฬาที่ลงแข่งขันโอลิมปิกมากที่สุดในโลก โดยไม่น่าเชื่อว่าเขาลงรวมไปถึง 10 ครั้ง และครั้งสุดท้ายที่ลงแข่งคือโอลิมปิก 2012 ในวัย 65 ปี แล้วได้ปิดตำนานของยอดนักกีฬาทีมชาติแคนาดาลงในครั้งนี้ แต่จากสิ่งที่ เอียน มิลลาร์ เขาได้ทำมาตลอด สถิตินี้ยากมากๆที่จะหาใครสักคนมาทำลายลงได้ในอนาคต
#9


ในบ้านเรามีเทศกาลประจำปีอยู่เยอะ ที่แต่ละจังหวัดต่างมีขึ้นเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่ทุกงานทุกเทศกาลจะได้รับความนิยมที่คนให้ความสนใจ เพราะหลายอย่างก็ซ้ำกันไม่แตกต่าง แต่มีอยู่เทศกาลหนึ่งที่ไม่ซ้ำกับงานไหน ไม่เหมือนกับที่ใดในประเทศ เทศกาลนั้นก็คือ เทศกาลผีตาโขนยังจังหวัดเลยนั่นเอง ที่มีเอกลักษณ์ความน่าสนใจเฉพาะตัว แล้วเมื่อถึงช่วงเทศกาลประจำปีที่จัดขึ้นปีละครั้ง จะได้รับความสนใจจากคนทั่วประเทศจำนวนมากที่อยากมาร่วมงาน ที่นับว่าเป็นงานชื่อดังประจำปีที่หลายคนรอคอยอีกงานหนึ่งเลยทีเดียว และวันนี้จะมาทำความรู้จักกับงานนี้กันให้มากขึ้นกว่าเดิม

   เทศกาลผีตาโขน จัดขึ้นทุกๆปีช่วงเดือนมิถุนายน ในอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย โดยงานจะมีขึ้น 3 วันด้วยกัน แล้วไฮไลท์ของงานจะมีขึ้นในวันที่ 2 ที่เป็นการแห่ขบวนผีตาโขนที่อลังการงานสร้างแบบสุดๆ เต็มไปด้วยสีสันสวยงามอร่ามตามากมายจากขบวนสุดยิ่งใหญ่ที่นับวันในแต่ละปีก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มีนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศมาร่วมงานมากมาย ที่สามารถเข้าไปถ่ายรูปร่วมสนุกกับขบวนได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งจะหาหมวกผีตาโขนมาใส่เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเดินขบวนก็สามารถทำได้เช่นกัน

   สำหรับเทศกาลผีตาโขน จัดขึ้นเพื่อเป็นการเคารพบูชา ทั้งยังเป็นงานบุญพระเวส หรือ เทศน์มหาชาติประจำปีอีกด้วย แล้วยังเป็นการเคารพพระธาตุศรีสองรัก ซึ่งเป็นปูชนียสถานสำคัญของคนด่านซ้าย ที่เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานหลายปี และมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในระดับประเทศเลยทีเดียว นับเป็นงานประจำปีที่ใหญ่ที่สุดสำคัญที่สุดอีกอย่างของจังหวัดเลย

   ด้านการเดินทางนั้นไปไม่ยากเลย หากมาจากกรุงเทพสามารถมุ่งขับมายังถนนสายสระบุรี-หล่มสัก ผ่านจังหวัดเพชรบูณ์ตรงมาอย่างเดียว แล้วยิ่งเป็นสมัยนี้มี GPS นำทางด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกง่ายดายยังไงก็ไม่มีหลงทางแน่นอน อีกทั้งตลอด 2 ข้างทางก่อนจะถึงที่หมาย ยังเต็มไปด้วยธรรมชาติตามหุบเขา ที่จะมองเห็นวิวด้านล่างได้อย่างแจ่มชัด มีจุดจอดรถชมวิวพักผ่อนอยู่ตลอดทาง ส่วนเรื่องที่พักนั้นหายห่วง เพราะทางจังหวัดเลยได้เตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวเอาไว้อย่างมากมายไม่มีเต็ม แต่หากอยากจะได้ที่ใกล้ๆงาน จะต้องจองล่วงหน้าเอาไว้ก่อนจะดีที่สุด

   สรุปแล้วเทศกาลผีตาโขน คืองาน UNSEEN ของประเทศไทยอีกอย่างก็ว่าได้ มีเอกลักษณ์ความโดดเด่นเฉพาะตัวที่หาที่ไหนไม่ได้แล้ว และมั่นใจ 100% ว่าหากได้มาด้วยตัวเอง จะพกความประทับใจเก็บกลับบ้านจะอยากจะกลับมาอีกครั้งในปีถัดๆไป
#10

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล

เมื่อคุณนึกถึงภาพน้ำที่ทะเลใสที่จนมองเห็นพื้น และหาดทรายสีขาวสะอาดตา ตัวเลือกแรกๆ ที่ผุดขึ้นมาเลยก็คือ ต้องป็นที่ เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล แน่นอน ที่นี้ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามมาหลายสิบปี เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ซึ่งตัวเกาะตั้งอยู่บนอุทยานแห่งชาติตะรุเตา หากจากแผนดินประมาณ 80 กิโลเมตรโดยประมาณ มาเที่ยวที่เกาะหลีเป๊ะ คุณจะได้ประสบการณ์ดีๆ กลับไปหลายอย่างเลยแหละ โดยเฉพาะกิจกรรมทางน้ำ ซึ่งเป็นไฮไลต์ของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้

ไม่ว่าจะเป็นการ ว่ายน้ำ ดำน้ำดูปะการัง พายเรือคายัค ท่านจะได้สัมผัสธรรมชาติที่เป็นธรรมชาติจริงๆ เพราะความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ทุกอย่างยังคงความสวยงามไว้เหมือนเดิมตลอด หลังจากเสร็จจากกิจกรรมทางน้ำแล้ว ในช่วงเย็นจะมีถนนคนเดินให้ได้ท่องเที่ยว ช็อปปิ้งอีกด้วย บอกเลยว่าสนุกสนาน และไม่มีคำว่าเหงา ต่อให้มาเที่ยวคนเดียวก็เถอะ

ไฮไลต์ของเกาะหลีเป๊ะที่น่าสนใจ 
มาเที่ยวที่ เกาะหลีเป๊ะ ต้องบอกว่ามีให้ท่านเลือกเที่ยวเป็นพิเศษอีกหลายหาด แต่ละหาดก็จะมีเอกลักษณ์ความสวยงามแตกต่างกัน เช่น

• หาดพัทยา เป็นหาดที่นักท่องเที่ยวเยอะที่สุด เพราะว่ามีร้านอาหารเยอะ และที่พักเยอะที่สุด เลยเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวคึกคักเป็นพิเศษ เหมาะกับการเดินเล่น และการลงเล่นน้ำที่สุด
• หาดซันไรซ์ เป็นหาดที่ขึ้นชื่อมากที่สุด จุดเด่นของหาดแห่งนี้คือคุณจะได้ชมวิธีชีวิตดั้งเดิมของชาวประมง และมีเรือของชาวประมงจอดให้คุณเก็บภาพสวยๆ เยอะมาก
• หาดซันเซ็ท ก็ตามชื่อเลย ที่หากแห่งนี้คุณจะได้นั่งชมภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุด บรรยากาศของหาดนี้จะค่อนข้างเงียบสงบ ใครที่ไม่ชอบอะไรวุ่นวาย รับรองว่าชอบที่นี่แน่นอน
• ถนนคนเดิน ระยะทางยาวประมาณ 1 กิโลเมตร มีร้านอาหารของกินเพียบ รวมถึงของฝากสวยๆ น่ารักๆ ให้ซื้อเก็บเป็นที่ระลึกด้วย

การเดินทาง
ท่านสามารถเดินทางมาที่ เกาะหลีเป๊ะได้ 4 แบบ ได้แก่ การนั่งรถไฟ,เครื่องบิน,รถยนต์ส่วนตัว และรถโดยสาร จากนั้นต้องนั่งเรือต่อไปเพื่อไปยังเกาะ หรือท่านใดจะซื้อแพ็คเกจในการท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์ก็ได้ ซึ่งจะได้รับความสะดวกมากขึ้น และได้เที่ยวทุกที่บนเกาะ ถือว่าคุ้มมาก

ที่พัก
บนเกาะมีบ้านพักมากมายให้เลือก เรียงรายบนเกาะ ทั้งแบบราคาถูก และราคาทั่วไป ชอบทำเลแบบไหน บรรยากาศแบบไหน ก็เลือกได้ตามความสะดวกได้เลย

ค่าบริการในการเข้าชม
ค่าธรรมเนียมท่าเรือ 20 บาทและค่าเข้าอุทยาน 40 บาท

สถานที่ตั้งของ เกาะหลีเป๊ะ
ตั้งอยู่ที่หมู่เกาะดง อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล